top of page
Writer's pictureAdmin

ล้างรถให้ถูกวิธี !! ด้วยตนเอง

Updated: Jun 29, 2021

ล้างรถใครก็คิดว่าง่ายๆ แต่ที่คุณทำอยู่ถูกวิธีแล้วหรือยัง??

การล้างรถยนต์ ด้วยตัวเอง ถือเป็นกิจกรรมที่เหมาะกับเวลาว่างหรือวันหยุด

เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้คุณได้ผ่อนคลาย ได้ออกกำลังกาย

ที่สำคัญยังช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการ ล้างรถยนต์

และช่วยให้คุณมีเวลาว่างได้ใส่ใจ ดูแลรถยนต์ ของคุณอย่างเป็นพิเศษอีกด้วย


การล้างรถยนต์ ตามร้านทั่วไป

อุปกรณ์ที่ใช้ในการขัดเช็ดถูอาจจะก่อให้เกิดรอยขีดข่วนหรือรอยขนแมวขึ้นบน

รถยนต์ ที่คุณรักได้ ดังนั้น

หากคุณมีเวลาที่จะล้างรถด้วยตัวเองจะช่วยให้คุณสามารถ ดูแลรักษาผิวรถยนต์

ไม่ให้เกิดรอยได้อย่างดีที่สุด

วันนี้เรามีคำแนะนำ การล้างรถยนต์ ที่ถูกวิธี ควรทำอย่างไรบ้าง ? เรามาล้างรถ

อย่างถูกวิธีกันเลยค่ะ !!


ขั้นตอนการเตรียมพร้อมสำหรับล้างรถยนต์

1. จอดรถในที่ร่ม ไม่ควรล้างรถกลางแดด

จอดรถยนต์ในที่ร่ม และที่สำคัญ ต้องไม่ล้างรถกลางแดด

เพราะจะทำให้ผิวรถยนต์ ร้อนและแห้งเร็ว ซึ่งจะเกิดคราบน้ำบนผิวรถ

ทำให้ล้างทำความสะอาดยากขึ้นและเสียเวลาเพิ่มอีกด้วย ที่

2. เตรียมอุปกรณ์ล้างรถ ให้พร้อม โดยมีอุปกรณ์ที่ต้องใช้ดังนี้

- ถังน้ำ 2 ใบ สำหรับใส่น้ำยาล้างรถและซักผ้าหรือล้างฟองน้ำ

- ฟองน้ำ หรือ ผ้าล้างรถ (ควรมีอย่างน้อย 2 อัน

สำหรับล้างผิวรถยนต์และล้างล้อรถยนต์)

- แปรงพลาสติกขัดสำหรับขัดยางรถ กรณีที่ยางรถยนต์สกปรกมาก

- ผ้าไมโครไฟเบอร์ (ควรมีอย่างน้อย 3 ผืน ) ต้องแยกผ้าแต่ละผืน

ผ้าเช็ดผิวรถไม่ใช้ปนกับผ้าเช็ดล้อรถ

เพราะถ้าใช้ผ้าเช็ดล้อแล้วมาเช็ดผิวรถ

ก็อาจจะเกิดรอยขนแมวที่ผิวรถยนต์ได้

3. เตรียมผสมน้ำยาล้างรถ


ผสมน้ำยาล้างรถกับน้ำเปล่าในปริมาณที่เหมาะสม

และเตรียมถังน้ำเปล่าสำหรับล้างฟองน้ำให้พร้อม


ขั้นตอนการล้างรถอย่างถูกวิธี

1. ฉีดน้ำเพื่อขจัดคราบสกปรก

การฉีดน้ำเพื่อขจัดคราบสกปรก

ช่วยให้ฝุ่นหรือสิ่งสกปรกที่อยู่บนผิวรถยนต์อ่อนตัวลง

โดยฉีดน้ำทั้งคันไล่จากบนหลังคารถ ลงมาด้านข้างของรถ

2. ล้างส่วนล้อรถยนต์ก่อน

ล้อรถมักจะเป็นส่วนที่สกปรกที่สุด จึงควรจะล้างส่วนล้อรถยนต์ให้สะอาดก่อน

เพื่อที่สิ่งสกปรกจากล้อจะได้ไม่กระเด็นไปโดนส่วนผิวรถ

หากล้างล้อรถยนต์เป็นลำดับสุดท้าย ขณะที่กำลังล้างล้อรถยนต์

จะทำให้ผิวรถอาจจะแห้งเอง และจะทำให้เกิดคราบน้ำบนผิวรถได้


3. เริ่มต้นล้างรถ จากบนหลังคารถ ลงมาด้านข้างของรถ

ก่อนจะเริ่มขัดผิวรถ ให้แช่ผ้าหรือฟองน้ำล้างรถในน้ำยาที่ผสมไว้แล้วก่อน

แล้วค่อยนำมาขัดทำความสะอาดผิว ไม่ควรออกแรงขัดมากเกินไป

เพราะจะทำให้รถยนต์เกิดรอยขีดข่วนหรือทำให้สีรถยนต์เสียหายได้

4. ล้างสิ่งสกปรกออกจากฟองน้ำ หรือผ้าที่ใช้ล้างรถบ่อย ๆ

ผ้าล้างรถไมโครไฟเบอร์ เป็นที่นิยมมากกว่าฟองน้ำ เนื่องจากโอกาสที่จะเกิด

รอยขีดข่วน หรือ รอยขนแมวบนผิวรถ มีน้อยกว่า

เพราะฟองน้ำล้างรถอาจจะมีเศษฝุ่นเม็ดทรายเล็ก ๆ

ติดอยู่ตามตามรูพรุนของฟองน้ำได้ ดังนั้นหากใช้ฟองน้ำ

จะต้องล้างทำความสะอาดฟองน้ำบ่อย ๆ

5. หลังจากล้างน้ำยาแต่ละส่วนเสร็จ ให้ฉีดน้ำล้างน้ำยาล้างรถออกให้หมด

ไม่ควรปล่อยให้น้ำยาล้างรถแห้งบนผิวรถ เพราะจะทำให้เกิดคราบน้ำบนผิวรถ

ควรทำแบบนี้ทุกครั้ง เมื่อล้างเสร็จทั้งคันแล้ว ให้ล้างน้ำเปล่าซ้ำอีกครั้ง

6. ควรให้รถเปียกทั้งคันขณะล้างรถ

ขณะที่ล้างควรให้ผิวรถยนต์ทั้งคันเปียกน้ำ เพื่อป้องกันการเกิดคราบน้ำบนผิวรถ


7. ล้างช่วงล่างเป็นลำดับสุดท้าย

ล้างช่วงล่างเป็นลำดับสุดท้าย โดยใช้ฟองน้ำหรือผ้าล้างรถยนต์ แยกกันต่างหาก

ไม่ใช้ปนกัน

8. เช็ดรถให้แห้งด้วย ผ้าไมโครไฟเบอร์

หลังจากล้างรถ ควรเช็ดทุกผิวรถให้แห้ง เพื่อป้องกันการเกิดสนิม

และการเกิดคราบน้ำ

เช็ดผิวโดยไล่จากด้านบนหลังคารถยนต์ลงมาด้านล่างรถยนต์

และเช็ดล้อเป็นลำดับสุดท้าย ขณะเช็ดควรเปลี่ยนผ้าหลายๆผืน

เพราะถ้าแยกผ้าเช็ดหลายผืนโอกาสที่ผิวรถจะเกิดรอยขีดข่วนก็มีน้อย


เพียงเท่านี้ รถคู่ใจของคุณก็จะกลับมาสะอาด น่าใช้งานเหมือนเดิม

แต่ถ้าท่านไหนที่ยังพอมีเวลาก็อาจจะลงแว็กซ์เพิ่มได้นะครับ เพื่อเพิ่มความเงางาม

ฉ่ำเป็นประกายดุจรถใหม่ และปกป้องสีผิวรถยนต์

คันโปรดจากมลภาวะบนท้องถนน


แต่ถ้าอยากได้ การปกป้องสีรถยนต์ ของคุณอย่างเต็มประสิทธิภาพยาวนานนับปี

ก็อาจจะนำรถไป เคลือบแก้ว หรือ เคลือบเซรามิค ก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ

25,176 views1 comment

1 Comment


Zoe Vin
Zoe Vin
Dec 26, 2024

This content is absolutely brilliant! You've captured the essence of the topic perfectly while keeping it engaging and relatable. Hats off to you!

Fleet maintenance service ensures your vehicles stay in top condition through regular inspections, repairs, and preventive care.

It's the key to minimizing downtime, extending vehicle lifespan, and reducing operational costs.

Like
bottom of page