หลายท่านที่ซื้อรถยนต์ใหม่หรืออยากทำให้รถยนต์คันเก่าของคุณกลับมามีสีสดใสเงาฉ่ำเหมือนใหม่
ซึ่งเป็นเรื่อง่ายมากในการดูแลรักษาสีรถยนต์ของคุณให้เงาฉ่ำไปนานๆ
เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยิน เคลือบแก้ว แล้วมันคืออะไรละ มันต่างจากการเคลือบสีรถธรรมดาตรงไหน เคลือบแก้วแล้วดีไหม วันนี้ tip autoรวบรวมข้อมูลมาฝากกันค่ะ เคลือบแก้วคืออะไร ?
เคลือบแก้ว (Glass Coating) คือ
การเคลือบชั้นผิวของสีรถเปรียบเสมือนกระจกใสที่มีคุณสมบัติแข็งและสามารถ
เพิ่มความหนาของพื้นผิวสีตัวถังรถยนต์บนชั้นClear Lacquer
จะมีระดับความหนาของชั้นเคลือบที่แตกต่างกัน มีตั้งแต่ระดับ 1-9 H
โดยสารที่ใช้ในการทำเคลือบแก้วมักมีส่วนผสมของสาร Silica หรือ
Polysilazane โดยเคลือบแก้วในท้องตลาดนั้นมีหลายระดับ หลายราคา
หลายคุณภาพ สารที่ใช้ผสมที่แตกต่างกัน ตั้งชื่อต่างกันแล้วแต่แบรนด์ เช่น
เคลือบ เซรา มิ ก เคลือบโซลิด เคลือบ one-shot
เคลือบสีรถคืออะไร ?
การเคลือบสีรถยนต์ คือ การขัดแว็กซ์หรือลงน้ำยาพิเศษเคลือบสีรถเรียกได้ว่า
เป็นเกราะป้องกันแรกที่จะปกป้องรถยนต์ของเราให้ห่างไกลจากสิ่งสกปรก
นอกเหนือจากนี้ยังทำให้น้ำไม่เกาะผิวรถ ปกป้องสีรถยนต์ของเราจากความร้อน
สามารถลบรอยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นได้ ที่สำคัญที่สุด
ทำให้รถยนต์ของเราเหมือนใหม่ ดูสดใสมีชีวิตชีวาตลอดเวลา
แต่มีระยะเวลาค่อนข้างสั้น เช่น เคลือบเเว็กซ์ แบบครีม มีระยะเวลาใช้งานแค่ 3-4
วัน เคลือบเเว็กซ์ แบบน้ำอยู่ได้ 3-4 อาทิตย์
เคลือบแก้ว ต่างจากการเคลือบสีรถธรรมดาอย่างไร??
อธิบายให้เข้าใจง่าย คือ การเคลือบสีผิวรถระยะสั้นกับระยะยาว
การเคลือบสีรถปกติเปรียบเสมือนการเคลือบสีระยะ สั้นมีอายุการใช้งานมากสุดไม่เกิน 1 เดือน
และการเคลือบแก้วเปรียบเสมือนการเคลือบสีระยะยาว ตั้งแต่ 1-5 ปี ตามน้ำยา
โดยการเคลือบสีทั้ง 2 แบบนั้น จะช่วยดูแลสีรถ
และทำให้รถดูเงางานเหมือนกันแต่สิ่งที่แตกต่างคือ เคลือบแก้ว ( glass coating )
จะได้เรื่องความทนทานของชั้นผิวที่เคลือบมากกว่า
มีคุณสมบัติการลื่นต่อน้ำยาวนานกว่า ส่งผลให้การเกิดคราบ รอยขนแมว
รอยขีดข่วน มีโอกาสเกิดน้อยกว่า และอีกส่วนจะเป็นเรื่องความเงางามที่สูงกว่าเนื่องจากชั้น silica
ที่เปรียบเสมือนชั้นกระจกทำให้สีดูเงาสดใสคงทนมากกว่า และแน่นอนว่าเคลือบแก้ว ราคา สูงกว่าเคลือบสีธรรมดา เนื่องจากมีกรรมวิธีและประโยชน์ในการปกป้องสีรถมากว่า
เคลือบสีรถธรรมดานั่นเอง
Comments