เคลือบสี VS เคลือบแก้ว VS ติดฟิล์มกันรอยรถยนต์ “แบบไหนเหมาะกับรถที่สุด”
top of page
  • Writer's pictureAdmin

เคลือบสี VS เคลือบแก้ว VS ติดฟิล์มกันรอยรถยนต์ “แบบไหนเหมาะกับรถที่สุด”


แน่นอนว่าการดูแลรักษารถยนต์ให้ดูใหม่เงางามอยู่เสมอนั้น ช่วยให้เราสัมผัสกับความสุขในอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับคนรักรถ ปัจจุบันมีการดูแลรักษาสีรถยนต์หลายรูปแบบทั้งการเคลือบสี เคลือบแก้ว และน้องใหม่อย่างติดฟิล์มกันรอยรถยนต์ การดูแลรักษารถยนต์แบบไหนเหมาะกับตนเองหรือไลฟ์สไตล์ของเรา ทิพย์ ออโต้มีข้อมูลดีๆมาแชร์ค่ะ


การเคลือบสีรถยนต์

เป็นการขัดแว๊กซ์ (Wax) และลงน้ำยาเคลือบผิวรถยนต์ เพื่อป้องกันสีผิวรถยนต์จาก ฝุ่น น้ำ ฝน รอยเปื้อนต่างๆ เพื่อความเงาสวยให้กับรถยนต์ เคลือบเพื่อเสริมความเงาให้มีความแวววาวมากยิ่งกว่าเดิม ทำหน้าที่เสมือนฟิล์มบางๆ ฉาบผิวรถยนต์ของคุณไว้ การเคลือบสีรถยนต์นั้นมีทั้งแบบ สเปรย์น้ำ และก็แบบเนื้อครีมหรือเนื้อขี้ผึ้ง ซึ่งขึ้นอยู่กับความสบายของผู้ใช้งาน

โดยส่วนใหญ่มีอายุการใช้งานประมาณ 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำยาและการใช้งาน เหมาะกับคนที่ล้างรถเป็นประจำสม่ำเสมอ


การเคลือบแก้ว

การเคลือบแก้ว เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นในการปกป้องสีรถยนต์ได้ยาวนานกว่าการเคลือบ Wax มีส่วยประกอบหลักของ ซิลิกา หรือ ซิลิกอนไดออกไซด์ (SiO2) ซึ่งเป็นสารประกอบของผลึกแก้ว หรือ Quartz ลงบนผิวชั้นแลคเกอร์ของรถเพื่อเพิ่มความหนาและการปกป้อง ซึ่งช่วยเพิ่มความหนาจากชั้นแลคเกอร์ และมีความแข็ง จุดเด่นของการเคลือบแก้วนั้นคือเพื่อปกป้องรถคุณจากคราบสกปรก คราบน้ำสิ่งสกปรก ป้องกันการเกิดรอยขนแมวจากการใช้งานในชีวิตประจำวันไม่ให้ลึกลงไปถึงแลคเกอร์ของสีรถของคุณ ช่วยให้รถคุณยังมีความเงางามของสี ดูเงา ฉ่ำ และเปร่งประกายอยู่เสมอ

โดยส่วนใหญ่มีอายุการใช้งานประมาณ 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำยาและการใช้งาน ซึ่งถ้าหากได้รับการดูแลต่อเนื่องอย่างถูกต้องสามารถอยู่ได้นานถึง 5 ปี การเคลือบแก้วนั้นเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลรถหรือล้างรถเป็นประจำ


การติดฟิล์มกันรอยรถยนต์

การติดฟิล์มกันรอยรถยนต์ เป็นการติดฟิล์มที่ออกแบบมาเพื่อกันรอยทุกชนิด มีหลายเกรด แต่ฟิล์มกันรอยที่คุณภาพที่ดีส่วนใหญ่จะเป็นวัสดุ PU/TPU เนื่องจากเป็นฟิล์มที่มีความยืดหยุ่นสูง มีหลากหลายประเทศผู้ผลิต ราคาค่อนข้างสูงและต้องใช้ช่างผู้ชำนาญการในการติดตั้ง ปัจจุบันมีการพัฒนาฟิล์มกันรอยรถยนต์ให้มีคุณสมบัติหลากหลาย อาทิ Self Healing เมื่อเวลาเกิดรอยที่ฟิล์มแล้วจะหายไปเอง Hydrophobic คุณสมบัติป้องกันน้ำเกาะผิว ที่เมื่อเวลาเจอน้ำจะกลิ้งเป็นเม็ดบัว และคุณสมบัติอื่นๆเช่นป้องกันรังสี UV เพิ่มความเงางามของรถให้เปร่งประกายมากขึ้น มีหลากหลายแบบของฟิล์มให้เลือก เช่น ฟิล์มใส ฟิล์มด้าน และฟิล์มแบบสีต่างๆ ตามความต้องการของลูกค้า

โดยส่วนใหญ่จะมีความหนาอยู่ที่ประมาณ 190-240 ไมครอน และมีอายุการใช้งานยาวนานสูงสุดถึง 10 ปี ในส่วนเรื่องการป้องกันก็ตรงตามชื่อเพราะป้องกันปัญหาสารพัดที่อาจจะเกิดขึ้นกับรถของคุณ ไม่ว่าจะเป็น สะเก็ดหิน รอยขีดข่วน การครูดเบาๆ การเสียดสี และยังป้องกันมลภาวะอื่นๆ เช่น ฝุ่นผงที่มีความแข็ง ฝุ่นควัน ฝนกรด คราบน้ำ มูลนก ยางไม้


หากพูดถึงว่าแบบไหนเหมาะกับรถเราที่สุด เราต้องถามตัวเองว่า เราให้ความสำคัญกับรถและมีเวลาดูแลรถมากขนาดไหน?

- เคลือบสี ทำได้เอง ง่ายสะดวก ราคาไม่แพง เหมาะกับคนล้างรถบ่อยๆ

- เคลือบแก้ว-เซรามิก เน้นรถสวย เน้นการดูแล กันรอยได้นิดหน่อย รอยขนแมวบาง ๆ

- ติดฟิล์มกันรอย สามารถป้องกันรอยหนักๆ กันสะเก็ดหิน

ทั้งนี้งบประมาณก็เป็นปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจอีกด้วย หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ หากต้องการคำปรึกษาในการดูแลสีรถ เคลือบแก้ว ติดฟิล์มกันรอย ติดต่อทิพย์ ออโต้ได้นะคะ สามารถเข้ามาดูผลงานจริงได้ที่หน้าร้านทั้ง 2 สาขา (พระราม2 ซอย 30 และ กาญจนาภิเษก)

5,061 views1 comment
bottom of page